การประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 22/2568


วันที่ 17 มิถุนายน 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 22/2568 โดยนำข้อสั่งการของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) แจ้งต่อที่ประชุมเพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว โดยมีผู้บริหารระดับสูงของ สพฐ. ได้แก่ นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. รวมถึงผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting
.
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของครูผู้รับผิดชอบงานด้านการเงินและพัสดุของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ โดยระบุว่า ได้รายงานเรื่องดังกล่าวต่อ รมว.ศธ. ซึ่งได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง พร้อมเน้นย้ำให้ สพฐ. เร่งหามาตรการเชิงระบบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะนี้ซ้ำอีก ทั้งนี้ จากข้อความในจดหมายลา พบว่า ภาระงานเอกสารที่มีความซับซ้อน อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อความกดดัน โดยเฉพาะในโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนไม่เกิน 60 คน และมีบุคลากรจำกัด แม้ที่ผ่านมา สพฐ. จะได้มอบหมายให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเข้าไปสนับสนุนด้านงานจัดซื้อ การเงิน และพัสดุแล้วก็ตาม แต่ในบางพื้นที่ซึ่งอยู่ห่างไกล โรงเรียนอาจเลือกดำเนินการเองเพื่อความรวดเร็ว ส่งผลให้ภาระตกอยู่กับครูเพียงไม่กี่คน
.
ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียในลักษณะเช่นนี้อีก สพฐ. ได้มอบหมายให้สำนักการคลังและสินทรัพย์ ร่วมกับหน่วยตรวจสอบภายใน ทบทวนคู่มือปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน โดยเน้นการวิเคราะห์จุดเสี่ยง ปรับปรุงขั้นตอนที่อาจซ้ำซ้อน และออกแบบระบบใหม่ที่เหมาะสมกับข้อจำกัดของโรงเรียนขนาดเล็กและโรงเรียนในพื้นที่พิเศษ พร้อมทั้งผลักดันให้มีการใช้เทคโนโลยีบริหารจัดการงานธุรการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น เพื่อลดภาระงานเอกสาร และให้ครูสามารถทุ่มเทกับภารกิจหลักคือ “การสอน” ได้อย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 1 ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย อาทิ ผู้อำนวยการโรงเรียน ครู เจ้าหน้าที่พัสดุ เจ้าหน้าที่การเงิน และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและสามารถแก้ไขปัญหาในเชิงระบบได้อย่างตรงจุด โดยให้รายงานผลภายใน 7 วัน
.
“เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนถึงความจำเป็นในการปรับปรุงระบบบริหารจัดการงานธุรการของโรงเรียนให้เอื้อต่อการทำงานของครูมากที่สุด ครูไม่ใช่เพียงผู้ปฏิบัติงาน แต่คือหัวใจของระบบการศึกษา เราต้องดูแลครูให้มากเท่ากับที่ครูดูแลเด็ก เพราะกว่าที่เราจะได้ครูดี ๆ สักคนไม่ใช่เรื่องง่าย สพฐ. จะยกระดับสวัสดิภาพของครูให้เป็นวาระสำคัญ เพื่อให้การศึกษาไทยเดินหน้าไปพร้อมกันทั้งครูและเด็ก ‘เรียนดี มีความสุข’ เกิดขึ้นได้จริงในทุกพื้นที่” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว
.
ในช่วงท้ายของการประชุม เลขาธิการ กพฐ. ยังได้เน้นย้ำถึงการดูแลความปลอดภัยของสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด ซึ่งขณะนี้กำลังมีข้อพิพาท “สพฐ. ได้มอบหมายให้ศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย สพฐ. ลงพื้นที่จริงเพื่อจัดทำแนวทางการปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง เช่น การจัดทำหลุมหลบภัยหรือบังเกอร์ที่มั่นคงแข็งแรง พร้อมกำชับให้โรงเรียนมีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุและเส้นทางอพยพอย่างจริงจัง เพื่อให้สามารถปกป้องชีวิตเด็กและครูได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ถึงแม้ไม่อาจคาดการณ์ได้ว่าจะมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นหรือไม่ แต่เราต้องเตรียมความพร้อมเต็มที่ 100% เพื่อให้ความปลอดภัยของครูและนักเรียนในทุกพื้นที่เป็นสิ่งที่รับประกันได้” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว

ดูภาพเพิ่มเติม:
https://photos.app.goo.gl/MEYWSEj678rzKKMY7


ข่าวโดย : ทัตตกร จันทร์โม

ที่มา >>>สพฐ. เร่งทบทวนระบบงานโรงเรียน หลังเกิดเหตุสูญเสียครู พร้อมกำชับโรงเรียนแนวชายแดน ดูแลความปลอดภัยครู-นักเรียนเต็ม 100% – OBEC<<<


การประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 21/2568

วันที่ 10 มิถุนายน 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 21/2568 โดยนำข้อสั่งการของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) แจ้งต่อที่ประชุมเพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว โดยมีผู้บริหารระดับสูงของ สพฐ. ได้แก่ นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. รวมถึงผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting
.
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวว่า วันนี้ในที่ประชุมได้หารือประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ โดยเฉพาะการนำข้อสั่งการของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. มาขับเคลื่อนลงสู่การปฏิบัติ อาทิ การวิเคราะห์ว่านักเรียนที่ออกจากสังกัดอื่น เช่น โรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนเอกชน ย้ายเข้ามาเรียนที่ สพฐ. และย้ายออกจาก สพฐ. ไปเรียนสังกัดอื่น มีจำนวนเท่าไร จะได้นำมาเปรียบเทียบเป็นข้อมูลว่าคุณภาพการศึกษา และความเชื่อมั่นของผู้ปกครองที่มีต่อการจัดการศึกษาของเราเป็นอย่างไรบ้าง อีกเรื่องคือการสอบคัดเลือกครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามมาตรา 38 ค (2) ให้กับโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย เนื่องจากมติ ครม. ที่ให้โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณฯ มีตำแหน่งครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามมาตรา 38 ค (2) จำนวน 432 ตำแหน่ง ให้มาประจำที่โรงเรียน เช่น ครูประจำหอพัก ครูการเงิน ครูพัสดุ นักกายภาพ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ฯลฯ ที่จะมาสนับสนุนครูและบุคลากรของโรงเรียน ให้ครูสามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ 100% ส่งผลให้เกิดการพัฒนาการศึกษาที่เข้มแข็ง ตลอดจนการสร้างเครือข่ายเพื่อช่วยเหลือโรงเรียนอื่นๆ ในการยกระดับสู่มาตรฐานสากล โดยได้แก้ไขระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว และจะมีการกำหนดปฏิทินการสอบในช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งคาดว่าจะสามารถบรรจุแต่งตั้งได้ทันในการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2568 นี้
.
“นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้รายงานผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของสำนักต่างๆ ในรอบ 1 ปี 6 เดือน รวมถึงผลงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและเขตตรวจราชการ แบบสุ่มเลือก ซึ่งทุกเขตได้นำเสนอผลงานโดยมีความคืบหน้าและการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายประการเป็นที่น่าพอใจ รวมถึงเขตพื้นที่ที่มีผลการดำเนินการขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพการศึกษาตามมาตรฐานสากล โดยการใช้ข้อสอบแนวทาง PISA เป็นแบบทดสอบในกระบวนการจัดการเรียนการสอนแต่ละรายวิชา ฝึกทักษะในการวิเคราะห์ การตีความ การแปลความของข้อมูล และนำมาปฏิบัติได้จริงเป็นรูปธรรม ซึ่งนอกจากเป็นการเตรียมความพร้อมให้โรงเรียนและนักเรียนในการสอบ PISA ที่จะเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้ ยังช่วยสร้างความฉลาดรู้ที่จำเป็นสำหรับนักเรียน ส่งผลให้เด็กและเยาวชนเกิดสมรรถนะ “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” นำประเทศชาติสู่การพัฒนาในระดับสากลต่อไป” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว

ข่าวโดย : สุชัญญา ขมเทศ

ที่มา >>>สพฐ. เตรียมเสริมทัพครู รร.วิทยาศาสตร์จุฬาภรณฯ ยกระดับการศึกษา-เครือข่ายเข้มแข็ง – OBEC<<<