การประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 25/2568


สพฐ. เตรียมขับเคลื่อนนโยบาย รมว.ศธ.-รมช.ศธ. ต่อเนื่อง พร้อมยกเครื่องบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก 

.

วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 25/2568 โดยเน้นย้ำข้อสั่งการตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. เพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว โดยมีผู้บริหารระดับสูงของ สพฐ. ได้แก่ นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. รวมถึงผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting

.

เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า ในโอกาสที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันนี้ ท่านได้กล่าวว่า พร้อมจะเดินหน้าสานต่อนโยบายดี ๆ ของ รมว.ศธ. ท่านเดิม เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียนและครูทั่วประเทศ โดยทำงานร่วมกันแบบ “ครอบครัวเดียวกัน” เพื่อขับเคลื่อนการศึกษาอย่างมีพลัง และได้ฝากสิ่งที่ต้องการผลักดันเพิ่มเติม คือ การพัฒนาสวัสดิการและสร้างขวัญกำลังใจครู โดยการลดภาระงาน การปรับเกณฑ์วิทยฐานะและการโยกย้ายให้เป็นธรรม รวมถึงการรับฟังความต้องการจากพื้นที่ต่างๆ อย่างรอบด้าน เพื่อวางนโยบายในระยะเร่งด่วน ระยะกลาง ระยะยาว และการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาฯ ที่เน้นย้ำวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขอให้ผู้บริหารและบุคลากรของ สพฐ. ติดตามแนวนโยบายซึ่งจะออกอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ เพื่อนำไปขับเคลื่อนให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมในการยกระดับคุณภาพผู้เรียนอย่างต่อเนื่องต่อไป

.

อีกเรื่องสำคัญที่ได้พูดคุยกันในวันนี้ คือเรื่องการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้สั่งการให้สำนักที่เกี่ยวข้องเตรียมข้อมูลการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กขนาดต่าง ๆ โดยระบุถึงวิธีการบริหารจัดการของแต่ละโรงเรียน การใช้นวัตกรรมการบริหารจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่สังกัด รวมทั้งหารูปแบบ นวัตกรรมการบริหารที่จะทำให้โรงเรียนขนาดเล็กประสบผลสำเร็จ โดยให้แยกตามบริบทของโรงเรียน ขนาดของโรงเรียนและแยกตามภาค พร้อมทั้งปรับคณะทำงานบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กและโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัด สพฐ. ใหม่ โดยมอบหมายให้นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. เป็นประธานคณะทำงาน พร้อมระบุหน้าที่ของคณะทำงานให้ชัดเจน 

.

สำหรับความคืบหน้าของการจ้างอัตราจ้างในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 สพฐ. ได้ดำเนินการขอทำความตกลงพิเศษกับกระทรวงการคลังแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างสำนักงาน ก.พ. นำเสนอเข้าที่ประชุม คปร. เพื่อพิจารณากำหนดจำนวนกรอบอัตรากำลังลูกจ้างชั่วคราว โดยถ้าหากได้รับการอนุมัติให้อัตราจ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราวแล้ว เงินเดือนและคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง ให้ปฏิบัติตาม ว 1058 ของกระทรวงการคลัง  นอกจากนี้ จะมีการจัดทำหลักสูตรอบรมพัฒนาธุรการโรงเรียนให้ความรู้เกี่ยวกับด้านการบัญชี การเงินและพัสดุ โดยจะเปิดลงทะเบียนและเริ่มการอบรมผ่านระบบออนไลน์ ภายในเดือนสิงหาคม 2568 นี้ เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กต่อไป


 






ข่าวโดย : ยศุเนตร ปานธรรม

ที่มา >>>สพฐ. ยินดีผู้บริหาร ศธ. ชุดใหม่ นำทัพยกระดับการศึกษาสู่สากล เน้นย้ำความปลอดภัยโรงเรียนแนวชายแดน พร้อมใช้ระบบสำนักงานดิจิทัลเต็มรูปแบบ 8 ก.ค.นี้ – OBEC<<<


ประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครั้งที่ 5/2568

 

.วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ศาสตราจารย์บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ประธานกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ประธาน กพฐ.) เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครั้งที่ 5/2568 ซึ่งมีนายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) โดยมีคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และผู้บริหารสำนักต่างๆ ของ สพฐ. เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และร่วมประชุมออนไลน์ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Zoom Meeting).

ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้มีการหารือข้อราชการและติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานด้านการศึกษาของ สพฐ. โดยมีประเด็นหารือที่น่าสนใจ อาทิ การอภิปรายแนวทางการยกระดับคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อเตรียมนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ รวมถึงการรายงานความก้าวหน้าการใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 สำหรับเด็กอายุ 3 – 6 ปี และหลักสูตรการศึกษาประถมศึกษาตอนต้น (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 3) พุทธศักราช 2568 การพิจารณาการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยบุคคลในศูนย์การเรียน กรณีศูนย์การเรียนที่มีผู้เรียนเกินกว่าหนึ่งร้อยคน การขยายชั้นเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน การรวมสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน การเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และการเตรียมสรุปผลงานของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในโอกาสใกล้ครบวาระ 4 ปีในเดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นต้น

ข่าวโดย : เธียรัท รัตนถา

ที่มา >>>รองเลขาธิการ กพฐ. ร่วมประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครั้งที่ 5/2568 – OBEC<<<

การประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 24/2568

วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 24/2568 โดยเน้นย้ำข้อสั่งการตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. เพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว โดยมีผู้บริหารระดับสูงของ สพฐ. ได้แก่ นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. รวมถึงผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting
.
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า สำหรับเรื่องแรกในวันนี้ ขอแสดงความยินดีกับผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการชุดใหม่ทั้ง 3 ท่าน ได้แก่ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจะมาเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศ พวกเราชาว สพฐ. ทั้งส่วนกลาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 245 เขต และสถานศึกษาอีกกว่า 2.9 หมื่นโรง ขอยินดีต้อนรับและเชื่อมั่นในผู้บริหารทั้ง 3 ท่าน ว่าจะเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สพฐ. พร้อมรับนโยบายเพื่อการพัฒนาและยกระดับคุณภาพการศึกษาของไทยไปสู่มาตรฐานสากล สร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับผู้เรียนอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำ ให้นักเรียนมีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมที่จะเติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศต่อไป
.
เรื่องต่อมา เนื่องในโอกาสครบรอบ 22 ปี วันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) วันที่ 7 กรกฎาคม 2568 นี้ จะมีการจัดงานพร้อมกันทั่วประเทศ โดยมีพิธีมอบเกียรติบัตรแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อ สพฐ. และได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีทั้ง 3 ท่านร่วมงาน จึงขอเชิญชวนผู้บริหารเขตพื้นที่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา ร่วมจัดกิจกรรมเพื่อระลึกถึงผลงานที่ผ่านมา และร่วมกันออกแบบอนาคตการศึกษาไทยต่อไป จากนั้นในวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 สพฐ. จะเริ่ม Kick-off การใช้ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ของ สพฐ. อย่างเป็นทางการ ในชื่อระบบสำนักงานดิจิทัล OBEC-DO (OBEC Digital Office) โดยทุกสำนักของ สพฐ. จะใช้ระบบดิจิทัลในการรับ-ส่งงาน เสนองาน ลงนามเอกสารต่างๆ ฯลฯ ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล เพื่อลดการใช้กระดาษ เพิ่มความรวดเร็ว ประหยัด และมีประสิทธิภาพ ยกเว้นเอกสารที่จำเป็นยังคงใช้กระดาษตามเหมาะสม
.
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ สพฐ. ขอแสดงความห่วงใยต่อโรงเรียนในพื้นที่ชายแดน 7 จังหวัด พร้อมดำเนินมาตรการดูแลความปลอดภัย โดยได้มอบหมายให้สำนักอำนวยการจัดทำแผนเผชิญเหตุ แผนอพยพ และแผนป้องกันภัย แก่โรงเรียนในพื้นที่ มีการจัดระดับความเสี่ยงเป็นสี คือ สีแดง สีเหลือง สีเขียว โดยเฉพาะโรงเรียนในพื้นที่สีแดง ซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนและมีความเสี่ยงสูงจำนวน 239 แห่ง ได้มีการเตรียมความพร้อม ซักซ้อมแผน และจัดสร้างหลุมหลบภัยที่มีความปลอดภัยได้มาตรฐานครบถ้วนแล้ว ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร สพฐ. ขอยืนยันความพร้อมรับมือเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของนักเรียน ครูและบุคลากรทุกคน
.
“ในโอกาสครบรอบ 22 ปี ก้าวสู่ปีที่ 23 ของ สพฐ. ขอเน้นย้ำแนวทางการทำงานเชิงรุกและมุ่งเป้าสู่การพัฒนานักเรียนเป็นหลัก พร้อมเดินหน้า “ลดภาระครู คืนเวลาสอนให้ครู คืนเวลาเรียนให้เด็กได้เรียนรู้อย่างมีคุณภาพ” โดยมอบหมายให้สำนักติดตามและประเมินผลฯ และสำนักนโยบายและแผนฯ รวบรวมรายการภาระงานของโรงเรียนทั้งหมด เพื่อตรวจสอบและคัดกรองงานที่สามารถลดหรือยกเลิกได้ เหลือเฉพาะสิ่งจำเป็นอย่างแท้จริง เป้าหมายสำคัญคือ การยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ของนักเรียน ด้วยการให้ครูมีเวลาสอนมากขึ้น และสามารถทุ่มเทให้กับห้องเรียนได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีภาระงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนมารบกวนให้ได้มากที่สุด” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว

ข่าวโดย : ยศุเนตร ปานธรรม

ที่มา >>>สพฐ. ยินดีผู้บริหาร ศธ. ชุดใหม่ นำทัพยกระดับการศึกษาสู่สากล เน้นย้ำความปลอดภัยโรงเรียนแนวชายแดน พร้อมใช้ระบบสำนักงานดิจิทัลเต็มรูปแบบ 8 ก.ค.นี้ – OBEC<<<

การประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 23/2568

วันที่ 24 มิถุนายน 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 23/2568 โดยเน้นย้ำข้อสั่งการตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. เพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว โดยมีผู้บริหารระดับสูงของ สพฐ. ได้แก่ นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. รวมถึงผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting

เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า ในที่ประชุมวันนี้ได้หารือเรื่องการดูแลนักเรียนและครูในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย สพฐ. ได้สำรวจข้อมูลโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่อยู่ติดชายแดนในระยะไม่เกิน 50 กิโลเมตร พบว่ามีเขตพื้นที่จำนวน 16 แห่ง โรงเรียนรวม 416 แห่ง มีการจำแนกกลุ่มตามความเสี่ยง เช่น สีแดง คือกลุ่มที่อยู่ติดแนวตะเข็บชายแดน ในจำนวนนี้มีหลุมหลบภัย 160 แห่ง ส่วนโรงเรียนที่ไม่มีก็ได้เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสร้างหลุมหลบภัยที่ปลอดภัยและแข็งแรงให้ ที่สำคัญคือทุกโรงเรียนได้มีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุครบแล้ว ตามแนวปฏิบัติที่ต้องมีผู้รับผิดชอบ มีการวางแผนการอพยพเคลื่อนย้ายเด็กให้รวดเร็วที่สุด เมื่อเกิดเหตุต้องมีสัญญาณเตือน มีเสบียงอาหาร ยา อุปกรณ์ที่จำเป็น และเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นต้องเคลื่อนย้ายออกจากหลุมหลบภัยตามลำดับอย่างไร โดยเฉพาะกลุ่มสีแดงให้มีการซักซ้อมอย่างเข้มข้น เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียนและครูทุกคน

เรื่องต่อมาคือ การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งปีนี้พบว่าจำนวนนักเรียนของ สพฐ. มีจำนวนลดลงค่อนข้างมากเกือบแสนคน มีแนวโน้มว่าโรงเรียนขนาดเล็กจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น จึงต้องรีบวางแผนรับมือให้พร้อมในการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีการประชุมร่วมกับโรงเรียน เขตพื้นที่ และเขตตรวจราชการในการออกแบบการบริหารที่จะดูแลช่วยเหลือโรงเรียนขนาดเล็กเหล่านี้ รวมถึงประเด็นต่าง ๆ ที่กำลังดำเนินการเพื่อเตรียมนำเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ได้รับทราบและช่วยดูแล เพื่อเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งระบบ รวมถึงการลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะภาระด้านงานธุรการและพัสดุ ซึ่งจะต้องมีการหารือร่วมกันเพื่อหาทางออกที่เป็นรูปธรรม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์สูญเสียเช่นกรณีครูมัทอีก ผมเชื่อว่าหากครูได้ทำหน้าที่สอนอย่างเต็มที่เต็มเวลา ก็จะส่งผลให้คุณภาพการศึกษาเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน และมั่นใจว่าไม่ว่ารัฐมนตรีว่าการฯ จะเป็นใคร ท่านก็ต้องให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพการศึกษา ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของพวกเราทุกคน

สำหรับความคืบหน้าการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีครูมัท จากเดิมกำหนดให้แล้วเสร็จใน 7 วัน แต่ได้ขอขยายระยะเวลาเพิ่มเติม เนื่องจากมีเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่มีรายละเอียดจำนวนมาก ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ รวมถึงได้เชิญหน่วยงานภายนอก เช่น ป.ป.ช. จังหวัดหรือ สตง. จังหวัด เข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย เพื่อให้การสอบสวนมีความเป็นธรรมและน่าเชื่อถือ ซึ่งผมได้ให้กรอบเวลาไว้ 15 วัน หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ส่วนเรื่องความปลอดภัยในสถานศึกษา กรณีที่มีเด็กนักเรียนทำร้ายร่างกายกัน ได้ประสานให้ ผอ.เขตพื้นที่ลงตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปัจจุบันเรามีมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดอยู่แล้ว หากเกิดเหตุก็ต้องรีบดำเนินการแจ้งผู้ปกครอง และลงโทษตามระเบียบ โดยเน้นย้ำว่าโรงเรียนต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัยสูงสุดสำหรับเด็กนักเรียน

นอกจากนี้ ยังมีกรณีโรงเรียนบ้านคลองเคียน สพป.พังงา ไม่มีอาคารเรียน จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า เมื่อปีการศึกษา 2567 ได้มีการรื้อถอนอาคาร และนำนักเรียนไปเรียนรวมกับโรงเรียนบ้านคลองใส ต่อมาผู้ปกครองประสงค์นำนักเรียนกลับมาเรียนที่โรงเรียนบ้านคลองเคียน ทางเขตพื้นที่จึงได้ประชุมร่วมกับโรงเรียน คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้นำชุมชน เพื่อหาแนวทางแก้ไข และมีมติเสนอของบสร้างอาคารเรียนชั่วคราวให้โรงเรียน ในลักษณะอาคารน็อกดาวน์ ซึ่งดำเนินการแล้วเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2568 ส่วนการของบประมาณก่อสร้างอาคารถาวรนั้น สพป.พังงา จะดำเนินการขอจากงบประมาณประจำปี งบประมาณเหลือจ่าย หรืองบประมาณเร่งด่วน ตามโอกาสและห้วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป

“สำหรับประเด็นที่มีผู้มาร้องเรียนเกี่ยวกับโครงการจัดซื้อคลาวด์-ซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มการเรียนรู้ นั้น ได้มอบให้สำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน (สทร.) ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบตั้งแต่เมื่อวานแล้ว (23 มิ.ย. 2568) โดยโครงการดังกล่าวเป็นมติ ครม. ซึ่งเป็นแผนระยะยาว 5 ปี (ปี 2568–2572) ตามนโยบายเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา Anywhere Anytime ที่มีทั้งหมด 5 โครงการ สพฐ. ได้ดำเนินการตามขั้นตอนตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของกรมบัญชีกลางอย่างเคร่งครัด ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งทุกกระบวนการต้องเป็นไปตามกฎหมายและความเห็นของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ขอให้มั่นใจว่า สพฐ. จะดำเนินการตามระเบียบกฎหมาย เพื่อประโยชน์ของทางราชการและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่นักเรียนทุกคน” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว

ข่าวโดย : ทัตตกร จันทร์โม

ที่มา >>>OBEC – สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน<<<