การประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครั้งที่ 3/2568


วันที่ 17 มีนาคม 2568 ศาสตราจารย์บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ประธานกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ประธาน กพฐ.) เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครั้งที่ 3/2568 ซึ่งมี ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) โดยมีคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และผู้บริหารสำนักต่างๆ ของ สพฐ. เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และร่วมประชุมออนไลน์ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Zoom Meeting)

.

ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม ศาสตราจารย์บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ประธาน กพฐ. กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมได้พิจารณา (ร่าง) กฎกระทรวงการจัดตั้ง รวม หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2568 โดยมีหลักการคือ ปกติแล้วเมื่อต้องรวมหรือเลิกสถานศึกษา ต้องมีการนำเข้าที่ประชุม กพฐ. เพื่อพิจารณาให้การอนุมัติหรือไม่อนุมัติ เป็นงานประจำที่ต้องทำในทุกครั้ง ซึ่งที่ประชุม กพฐ. พิจารณาแล้วเห็นว่า สพฐ. และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามีข้อมูลของโรงเรียนที่ละเอียดรอบด้านมากกว่า จึงเห็นควรถ่ายโอนการพิจารณาส่วนนี้ไปให้ จึงมีการร่างกฎกระทรวงฯดังกล่าวขึ้นมาเพื่อให้มีความยืดหยุ่นและเหมาะสมกับสภาพความเป็นจริงของโรงเรียนมากขึ้น เช่น จากเดิมที่มีข้อกำหนดตายตัวว่าโรงเรียนต้องมีจำนวนนักเรียนเท่าไหร่ จึงจะสามารถควบรวมหรือยุบเลิกได้ หรือข้อกำหนดเรื่องสถานที่ตั้งโรงเรียน ก็เข้าไปแก้ไขตรงจุดนี้เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละยุคสมัย และเปิดโอกาสให้มีการปรับได้ตามประกาศของ สพฐ. ต่อไป นอกจากนี้ ในส่วนของการขยายชั้นเรียน ต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของชุมชนหรือมีการประเมินว่าต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาด้วย

.

เรื่องต่อมา คือเรื่องความก้าวหน้าการใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยพุทธศักราช 2568 สำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี และหลักสูตรการศึกษาประถมศึกษาตอนต้น (ป.1-ป.3) โดยเปิดโอกาสให้โรงเรียนทั่วประเทศพิจารณาตนเองว่ามีความพร้อมและสมัครเข้ามาเพื่อใช้หลักสูตรดังกล่าว ซึ่งจากการเปิดรับสมัครเมื่อวันที่ 7-14 มีนาคมที่ผ่านมา พบว่ามีโรงเรียนจากทุกสังกัดได้สมัครเข้ามาถึง 2,316 แห่ง โดยหลักสูตรนี้พัฒนาอยู่บนพื้นฐานที่ต่อยอดมาจากหลักสูตรฐานสมรรถนะ สำหรับชั้นปฐมวัยและชั้นประถมต้น จะเน้นเรื่องการอ่านออกเขียนได้แบบเข้าใจและคิดเป็น เมื่อเห็นว่ามีโรงเรียนที่สนใจสมัครเข้ามาจำนวนมาก จึงได้ตัดสินใจขยายระยะเวลาการสมัครออกไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้ พร้อมกันนี้ สพฐ. โดยสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ได้รายงานถึงการเตรียมความพร้อมต่างๆ ที่จะช่วยเหลือโรงเรียน เพราะการที่จะเริ่มใช้หลักสูตรในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้เป็นการเริ่มใช้ครั้งแรก ซึ่งอาจมีข้อติดขัดเกิดขึ้นได้ จึงได้ตั้งคลินิกวิชาการขึ้นมาเพื่อเป็นพี่เลี้ยงให้กับทุกโรงเรียน และในเร็วๆนี้ ทางสำนักวิชาการฯ จะมีการประชุมพบปะกับผู้บริหารโรงเรียนและคุณครู เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจ เตรียมแผนดำเนินการและตอบข้อซักถามต่างๆ ให้มีความชัดเจนเพิ่มเติม และจะมีการอบรมคุณครูผู้สอนในช่วงเดือนเมษายนนี้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 1/2568 ต่อไป

.

“เรื่องสุดท้ายคือ การพิจารณาการเลิกขยายชั้นเรียน การรวมสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และการเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยที่ประชุมได้อนุมัติการรวมสถานศึกษาฯจำนวน 5 โรงเรียน การเลิกสถานศึกษาฯจำนวน 12 โรงเรียน และการเลิกขยายชั้นเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจำนวน 3 โรงเรียน ซึ่งเรื่องดังกล่าวที่ประชุมได้ดำเนินการมาเป็นประจำทุกครั้ง แต่ต่อไปจะโอนย้ายไปให้ สพฐ. ดำเนินการเองแล้ว ซึ่งเราหวังว่ากฎกระทรวงฯจะแล้วเสร็จ และนำมาใช้ได้โดยเร็วภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้เกิดความคล่องตัว เหมาะสม มีความยืดหยุ่นในการดำเนินการ เพื่อประโยชน์ของสถานศึกษาและผู้เรียนต่อไป” ประธาน กพฐ. กล่าว

การประชุมผู้บริหารระดับสูง สพฐ. ครั้งที่ 10/2568

สพฐ. แจ้งระวังภัยมิจฉาชีพ ส่งลิงก์หลอกเงินนักเรียน พร้อมเฝ้าระวังไข้อีดำอีแดง และติดตามการย้ายครูผ่านระบบ TRS อย่างใกล้ชิด

.


วันที่ 11 มีนาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) พร้อมด้วย นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. ร่วมประชุมผู้บริหารระดับสูง สพฐ. ครั้งที่ 10/2568 โดยนำข้อสั่งการของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) แจ้งต่อที่ประชุมเพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว โดยมีผู้บริหารระดับสูง สพฐ. ผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting 

.

ภายหลังการประชุม ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. ได้มอบหมายให้นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. แถลงผลการประชุม ว่า วันนี้ในที่ประชุมได้หารือประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ โดยเฉพาะการติดตามการขับเคลื่อนนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของกระทรวงศึกษาธิการ นำโดย พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ. และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ศธ. ในระดับเขตตรวจราชการ และระดับเขตพื้นที่การศึกษา ให้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียน นอกจากนี้ ได้กำชับเรื่องการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคไข้อีดำอีแดงที่กำลังระบาดในเด็กวัย 5-15 ปี ในขณะนี้ โดยมีหนังสือแจ้งแนวทางการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดโรคไข้อีดำอีแดง ไปยังเขตพื้นที่และสถานศึกษา ให้ทำการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดฯ โดยประสานร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด เมื่อพบการระบาด และควบคุมการระบาดให้จำกัดอยู่ในวงแคบ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนทุกคน

.

เรื่องต่อมา ได้ชี้แจงกรณีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นครูแนะแนว/ผู้ปฏิบัติงาน กยศ. หลอกเงินนักเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งที่จังหวัดตรัง โดยพฤติการณ์ คือ มิจฉาชีพได้แฝงตัวเข้ามาร่วมไลน์โอเพ่นแชท กลุ่มแนะแนวโครงการ กยศ. ของโรงเรียน ซึ่งเปิดขึ้นเพื่อให้นักเรียนสามารถสอบถาม และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวกับการกู้ยืมเงินโครงการ กยศ. โดยมิจฉาชีพเปลี่ยนชื่อและรูปโปรไฟล์ เป็นชื่อครูผู้ปฏิบัติงาน จากนั้นส่งลิงก์ให้นักเรียนชั้น ม.6 ที่กู้ยืมเงิน กยศ. เข้าไลน์กลุ่มใหม่ที่มิจฉาชีพตั้งขึ้น แล้วหลอกถามข้อมูลส่วนตัวและหลอกให้โอนเงินเพื่อยุติการกู้ยืมของนักเรียนชั้น ม.6 เพื่อต่อ กยศ. ในระดับปริญญาตรี ส่งผลให้นักเรียนหลงเชื่อและดำเนินการตามที่มิจฉาชีพต้องการจนเกิดความเสียหาย มีผู้เสียหาย รวม 25 ราย แบ่งเป็น 2 กรณี ได้แก่ กรณีที่ 1 ให้ข้อมูลส่วนตัว หมายเลขบัญชี และจำนวนเงินคงเหลือในบัญชี แต่ยังไม่ได้โอนเงิน จำนวน 17 ราย และกรณีที่ 2 ให้ข้อมูลส่วนตัว หมายเลขบัญชี และจำนวนเงินคงเหลือในบัญชี และโอนเงิน จำนวน 8 ราย รวมเป็นเงิน 48,140 บาท ซึ่งเมื่อทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ทางโรงเรียนได้แจ้งให้นักเรียนรับทราบและยุติการทำธุรกรรมในกลุ่มไลน์ดังกล่าว พร้อมทั้งแจ้ง สพม.ตรัง กระบี่ ต้นสังกัดให้รับทราบ และแจ้งกระจายข่าวไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ในสังกัดให้เฝ้าระวังมิจฉาชีพรายนี้ และยังได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ/ตำรวจไซเบอร์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอย่างเร่งด่วนต่อไป 

.

“สำหรับความคืบหน้าเรื่องการยื่นคำร้องขอย้ายข้าราชการครู ผ่านระบบ TRS (Teacher Rotation System) นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูล เพื่อเข้าคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูล และนำเสนอคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษาต่อไป ซึ่งตามปฏิทินจะดำเนินการภายในเดือนมีนาคม และออกคำสั่งย้ายได้ภายในเดือนเมษายน ทั้งนี้ สพฐ. ได้ติดตามการดำเนินการของระบบ พบว่ายังไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็ต้องดูว่าจะมีปัญหาหลังจากการย้ายแล้วหรือไม่ หากพบปัญหาก็ต้องดำเนินการแก้ไขต่อไปโดยเร็ว เพื่อให้การย้ายครูดำเนินการแล้วเสร็จก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1/2568 ตามข้อสั่งการของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. เพื่อให้มีครูเข้าไปประจำการที่โรงเรียนทันก่อนเปิดเทอม” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว


การประชุมผู้บริหารระดับสูง สพฐ. ครั้งที่ 9/2568

 

วันที่ 4 มีนาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูง สพฐ. ครั้งที่ 9/2568 โดยนำข้อสั่งการของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) แจ้งต่อที่ประชุมเพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว โดยมี นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง สพฐ. ผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting

.

ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวว่า วันนี้ในที่ประชุมได้หารือประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ อาทิ การส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV/DLIT) และการจัดการสื่อสารทางไกลแบบสื่อสารสองทาง (IDL) ซึ่งปัจจุบันมีโรงเรียนที่ใช้ DLTV รวม 13,401 แห่ง โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา ได้จัดสรรงบประมาณจัดซื้ออุปกรณ์ Smart TV จำนวน 15,720 เครื่องให้กับโรงเรียนจำนวน 7,912 แห่ง ส่วนในปี 2567 ได้จัดสรรเป็นจำนวน 1,514 เครื่อง ให้กับโรงเรียน 489 แห่ง และในปี 2568 ได้จัดสรรเป็นจำนวน 612 เครื่อง ให้กับโรงเรียน 612 แห่ง ทั้งนี้ ในการจัดการเรียนการสอนได้ใช้แนวทาง 5 ต สู่การเติบโตทางการเรียนรู้ด้วย DLTV ประกอบด้วย 1.ตระหนัก 2.ตื่นตัว 3.แต่งตั้ง 4.ติดตาม 5. ติดตรา พร้อมทั้งสร้างความตระหนักให้ผู้บริหารและครู รู้คุณค่า เห็นประโยชน์ DLTV ในทุกมิติ มีการขยายผลการใช้ DLTV ในระดับเขตพื้นที่และในระดับสถานศึกษา รวมถึงแต่งตั้งโรงเรียนต้นแบบ DLTV ในแต่ละเขตพื้นที่เป็นเครือข่ายพัฒนาโรงเรียนในกลุ่มสีแดง และสร้างระบบการติดตามผลเพื่อการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา ลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง เพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ให้ผู้เรียน “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ”

.

เรื่องต่อมา คือ การแก้ปัญหาการขาดแคลนครูและบุคลากรทางการศึกษา โดย สพฐ. ได้มีการรับรายงานตัวผู้สอบแข่งขันได้เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค. (2) สังกัด สพฐ. (ครั้งที่ 7) จำนวน 702 ราย เพื่อเข้าไปทำงานที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ รวม 217 เขต และจะมีการเรียกรายงานตัว (ครัั้งที่ 😎 ภายในเดือนพฤษภาคม 2568 นี้ เพื่อเติมเต็มให้เขตพื้นที่ไม่ขาดแคลนผู้ปฏิบัติงานและสามารถขับเคลื่อนนโยบายของ ศธ. และ สพฐ. ได้อย่างต่อเนื่อง

.

ขณะที่ความคืบหน้าการพัฒนาความฉลาดรู้ของผู้เรียนตามแนวทางการประเมิน PISA พบว่ามีความก้าวหน้าในการขยายผลการอบรมการสร้างและพัฒนาข้อสอบฯ ในระดับเขตพื้นที่ โดยจากกลุ่มเป้าหมายทั้งหมดจำนวน 445,624 คน มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 281,440 คน อยู่ระหว่างการอบรม 117,261 คน และอบรมเสร็จแล้ว 164,179 คน ในจำนวนนี้ได้มีการนำผลการอบรมการขยายผลการสร้างข้อสอบแนว PISA ไปใช้ในโรงเรียน อาทิ การตั้งคำถามกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในห้องเรียน การนำไปใช้เป็นแนวทางสร้างแบบวัดผลกลางภาค/ปลายภาค การนำข้อสอบที่สร้างไปใช้เป็นแบบฝึกนักเรียน การนำไปใช้ในการประเมินแบบ Formative ระหว่างเรียน และการประยุกต์ใช้กับ Gamification เป็นต้น และจะเดินหน้ายกระดับคุณภาพการศึกษาตามแนวทางประเมิน PISA เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเท่าเทียมในทุกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

.

“นอกจากนี้ ในส่วนของกิจกรรม “กล่องความรู้ สู่ความสุข A-Level” ที่ส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียน ชั้น ม.6 เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบวัดความรู้เชิงวิชาการ (Applied Knowledge Level: A-Level) ได้มีการดำเนินกิจกรรมเป็นวันแรกเมื่อวานนี้ (3 มีนาคม 2568) พบว่ามีนักเรียนชั้น ม.6 ให้ความสนใจเข้ามารับชมเป็นจำนวนมาก ผ่านช่องทาง Facebook “OBEC Channel” จำนวนกว่า 18,000 ครั้ง มีการแชร์ 285 ครั้ง กดไลก์ 360 ครั้ง ผ่านช่องทาง Youtube มีผู้รับชมจำนวน 3,556 ครั้ง กดไลก์ 214 ครั้ง และช่องทาง OBEC TV มีผู้รับชม 331 ครั้ง ได้รับคะแนนความพึงพอใจในระดับ”มาก” โดยกิจกรรมนี้เป็นการติวฟรีแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย ช่วยสอนเสริมเพิ่มเติมสร้างความมั่นใจในการสอบของนักเรียน และสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) โดยครูผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ เป็นกิจกรรมดีๆ จากนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของกระทรวงศึกษาธิการ นำโดย พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ. และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ศธ. ในการลดภาระผู้ปกครองและส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่ออนาคตของนักเรียน สร้างความสุขและความเท่าเทียมในการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-7 มีนาคม 2568 จึงขอเชิญชวนน้องๆ นักเรียนชั้น ม.6 ทุกคนมาเข้าร่วมในอีก 4 วันที่เหลือ เพื่อเตรียมความพร้อมในการสอบ A-Level ต่อไป” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว


ข่าวโดย : สุชัญญา ขมเทศ

ที่มา >>>สพฐ. ปลื้ม ติวฟรี A-Level วันแรก ม.6 สนใจเข้าร่วมกว่า 2.1 หมื่นคน พร้อมส่งเสริม DLTV ลดเหลื่อมล้ำ และยกระดับ PISA อย่างต่อเนื่อง – สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน<<<