การประชุมผู้บริหารระดับสูง สพฐ. ครั้งที่ 5/2568

 

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูง สพฐ. ครั้งที่ 5/2568 โดยนำข้อสั่งการของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) แจ้งต่อที่ประชุมเพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว โดยมี นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง สพฐ. ผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting

.

ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวว่า วันนี้ในที่ประชุมได้หารือประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ อาทิ ภาพรวมของการสอบ O-NET ระดับชั้น ป.6 และ ม.3 ปีการศึกษา 2567 เมื่อวันที่ 2-3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่ง พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสนามสอบโรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ. ได้ลงพื้นที่เยี่ยมสนามสอบโรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ พบว่าการสอบในครั้งนี้ มีนักเรียนชั้น ป.6 สังกัด สพฐ. สมัครเข้าสอบถึง 476,640 คน คิดเป็นร้อยละ 91.37 และนักเรียนชั้น ม.3 สังกัด สพฐ. สมัครเข้าสอบ 424,506 คน คิดเป็นร้อยละ 81.51 ซึ่งการสอบดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย หลังจากนี้ก็จะนำผลการสอบไปพัฒนาการศึกษาในภาพรวมต่อไป พร้อมกันนี้ ได้กำชับโรงเรียนให้ดูแลเรื่องการตัดเกรดนักเรียนในกลุ่ม 0, ร, มส โดย สพฐ. ได้ออกหนังสือ เรื่อง ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการเรียนรู้และการสอนซ่อมเสริม เพื่อเน้นย้ำให้สถานศึกษากำกับ ติดตาม ช่วยเหลือ สอนซ่อมเสริม และดำเนินการวัด และประเมินผลการเรียน กรณีนักเรียนมีผลการเรียนไม่สมบูรณ์ (ติด 0 ร มส) ให้ทุกเขตพื้นที่ดำเนินการอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เป็นการสร้างภาระให้นักเรียนและผู้ปกครอง

.

เรื่องต่อมา ได้มีความคืบหน้าในการขับเคลื่อนโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อง” หรือ OBEC Zero Dropout ที่ทุกเขตพื้นที่ 245 เขตได้ติดตามนักเรียนที่หลุดจากระบบการศึกษา ทั้งเด็กตกหล่นและเด็กที่ออกกลางคัน โดยกำหนดให้ทุกเขตพื้นที่ต้องติดตามเด็กให้ครบ 100% ภายในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งขณะนี้มี 138 เขตที่ติดตามเด็กตกหล่นได้ครบแล้ว และอีก 208 เขตติดตามเด็กออกกลางคันสำเร็จแล้ว 100% ส่วนในเรื่องของการขับเคลื่อนโครงการ “1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ” จากการลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดสุรินทร์ ได้เก็บข้อมูลที่มีประโยชน์และตัวอย่างความสำเร็จในพื้นที่ ซึ่งการดำเนินการต่อไป จะมีหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาคเอกชน และภาคประชาสังคม มาร่วมเป็นภาคีเครือข่าย (Partnership) กับโรงเรียน เพื่อการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพโรงเรียน โดยตั้งเป้าหมายให้ขยายผลไปครบทั้ง 77 จังหวัด

.

พร้อมกันนี้ ในเรื่องการเฝ้าระวังฝุ่น PM 2.5 สพฐ. ยังคงกำชับเขตพื้นที่และโรงเรียนทุกแห่งให้ติดตามสถานการณ์ฝุ่นอย่างใกล้ชิด หากพบว่าเป็นพื้นที่สีส้มหรือพื้นที่สีแดงที่อยู่ในขั้นอันตราย สามารถสั่งปิดโรงเรียนได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุญาตจาก สพฐ. โดยเน้นความปลอดภัยของนักเรียนเป็นหลัก ส่วนในเรื่องของการดูแลนักเรียนในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ 2568 สพฐ. ได้เน้นย้ำให้โรงเรียนและครูผู้สอนเฝ้าระวังและดูแลให้นักเรียนประพฤติอยู่ในกรอบที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม พร้อมทั้งมอบเขตพื้นที่ทุกแห่งจัดทำแผนการเฝ้าระวัง สร้างองค์ความรู้ และแนวระวังภัยในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ 2568 โดยประสานขอความร่วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา (พสน.) ร่วมกับตำรวจ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อออกตรวจพื้นที่สุ่มเสี่ยงและสร้างความปลอดภัยในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ปีนี้

.

“สำหรับความคืบหน้าการเลื่อนเปิด-ปิดภาคเรียน หลังจากการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อวานนี้ (2 กุมภาพันธ์ 2568) ทาง สพฐ. ได้เสนอให้เลื่อนการปิดภาคเรียนที่ 1 จากเดิมวันที่ 11 ตุลาคม เป็นวันที่ 30 กันยายน ซึ่งจะมีประโยชน์หลายประการ เช่น สอดคล้องกับปีงบประมาณ การบริหารอัตรากำลังครู-ผู้บริหารโรงเรียน และการจัดสรรงบประมาณต่างๆ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบ แต่ในส่วนของการเปิดภาคเรียนที่ 1 จะยังคงเป็นวันที่ 16 พฤษภาคม เพื่อสอดคล้องกับการนับอายุเด็ก ส่วนภาคเรียนที่ 2 ยังคงเหมือนเดิม คือเปิดวันที่ 1 พฤศจิกายน และปิดวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป ทั้งนี้ เรากำลังศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนต่างๆ ทั้งระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้มีความรอบคอบมากที่สุด เพื่อจะได้นำเสนอ รมว.ศธ. ให้พิจารณาต่อไป” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว


ข่าวโดย : นายทัตตกร จันทร์โม

ที่มา >>>สพฐ. เผย หลายฝ่ายเห็นชอบปิดภาคเรียน 30 ก.ย. สอดคล้องปีงบฯ-การโอนย้ายครู เร่งศึกษาระเบียบอย่างรอบคอบ – สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน <<<

การประชุมผู้บริหารระดับสูง สพฐ. ครั้งที่ 4/2568

 


วันที่ 28 มกราคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูง สพฐ. ครั้งที่ 4/2568 โดยนำข้อสั่งการของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) แจ้งต่อที่ประชุมเพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว โดยมี นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง สพฐ. ผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting
.
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวว่า วันนี้ในที่ประชุมได้เน้นย้ำข้อสั่งการของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศธ. เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ลงสู่ห้องเรียน โดยมีประเด็นที่สำคัญ อาทิ การปรับปรุงและทบทวนเรื่องการสอบ RT, NT, O-NET ให้เชื่อมโยงกับการสอบ PISA ซึ่งหากทั้งหมดเชื่อมโยงกัน เท่ากับเราได้เตรียมพร้อมให้เด็กตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษา จะได้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน โดยมอบหมายให้สำนักทดสอบทางการศึกษา สพฐ. ดำเนินการต่อไป ส่วนประเด็นที่ ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งพัวพันคดีค้ายาเสพติด แล้วอ้างว่าเคยไปเป็นนายประกันให้ผู้ต้องหาคดียาเสพติด จึงได้สนิทกันและนำยาเสพติดมากระจายต่อ จากการตรวจสอบไปยังศาล พบว่าไม่ได้เกี่ยวข้องตามที่เป็นข่าว แต่เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้ ผอ.คนดังกล่าวออกจากราชการไว้ก่อน โดยเรายึดตามแนวทางที่ว่า หากพบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ทุกตำแหน่ง ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต้องให้ออกจากราชการทันที และดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
.
เรื่องต่อมา คือ สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งเราได้กำชับมาตรการป้องกันไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาล่วงหน้าแล้ว หากพื้นที่ใดเป็นพื้นที่สีส้มหรือสีแดงที่อยู่ในขั้นอันตราย ให้ผอ.สามารถปิดโรงเรียนได้ทันที และหารูปแบบการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบอื่นเข้ามาชดเชย รวมถึงหามาตรการดูแลช่วยเหลือเด็กและครู หากเกิดอาการเจ็บป่วยจากฝุ่น pm 2.5 ด้วย ทั้งนี้ ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีโรงเรียนที่ปิดเรียนจำนวน 57 โรงเรียน และในอีกหลายจังหวัด แต่โชคดีว่าเมื่อวานกับวันนี้สภาพอากาศเปิด สถานการณ์โดยรวมดีขึ้น แต่หลังจากนี้ ก็จะมีการประชุมเตรียมความพร้อมเรื่องการจัดการเรียนการสอน หากค่าฝุ่น pm 2.5 สูงมากกว่าปกติ ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาล จะมีมาตรการเข้ามาแก้ไขเพิ่มเติม อย่างเช่นการ Work from home ซึ่งทาง สพฐ. เองก็ได้เตรียมแผนรับมือในเรื่องนี้และพร้อมที่จะปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลโดยทันที
.
“สุดท้ายคือเรื่องความคืบหน้าการเลื่อนเปิด-ปิดภาคเรียน ขณะนี้ได้มอบให้สำนักที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยมาพูดคุยหารือแนวทางร่วมกัน หากเราเลื่อนการเปิดภาคเรียนแล้วจะต้องทำอะไรบ้าง เช่น การแก้ไขระเบียบการนับอายุเด็ก ให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.การศึกษาภาคบังคับ หรือทุกระเบียบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนเรื่องการวัดผลหรือการนับเวลาเรียน สามารถไปแก้ไขในประกาศกระทรวงศึกษาธิการได้ ทั้งนี้ การเลื่อนเปิดภาคเรียนให้สอดคล้องกับปีงบประมาณ จะส่งผลให้การย้ายครู-ผู้บริหารโรงเรียน การจัดทำผลการเรียนของนักเรียน หรือการจัดสรรค่าอาหารกลางวันนักเรียน ทุกอย่างจะสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งหากทุกฝ่ายเห็นชอบตรงกัน สพฐ. จะส่งเรื่องเสนอให้ รมว.ศธ. ลงนามเรื่องนี้โดยด่วน เพื่อให้ทันเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 นี้” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว


ข่าวโดย : นายทัตตกร จันทร์โม

ที่มา >>>สพฐ. ชี้ หากทุกฝ่ายเห็นชอบ เลื่อนเปิดเรียน 1 พ.ค.ได้ พร้อมรับมือฝุ่น PM2.5 ตอบสนองมาตรการรัฐบาล – สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน<<<