การประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 35/2568

วันที่ 23 กันยายน 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 35/2568 โดยเน้นย้ำข้อสั่งการตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. เพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว โดยมี นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. รวมถึงผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting
.
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวว่า วันนี้ในที่ประชุมได้หารือหลายประเด็นที่สำคัญ อาทิ การเช่าใช้อุปกรณ์การเรียนการสอนสำหรับครูและนักเรียน หรือโครงการ Anywhere Anytime ล่าสุดมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก ซึ่ง สพฐ. ได้มอบอำนาจให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 118 เขต เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อความสะดวก คล่องตัว ลดภาระครูและบุคลากรฯ ตรงตามนโยบายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ที่ต้องการให้ทุกหน่วยช่วยกันลดภาระครู อีกทั้งการกระจายให้เขตพื้นที่ดำเนินการ จะทำให้การดูแล การซ่อมบำรุงต่างๆ ทำได้รวดเร็ว ไม่เสียเวลาและประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งปัจจุบันทั้ง 118 เขต ยืนยันว่าสามารถดำเนินการได้ตามเวลาที่กำหนด คือภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ ขอให้มั่นใจว่านักเรียนและครูของเราจะได้เข้าถึงสื่อและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาและลดความเหลื่อมล้ำ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของนโยบาย Anywhere Anytime ได้เป็นอย่างดี
.
เรื่องต่อมาที่ได้เน้นย้ำในที่ประชุม คือ การบริหารงบประมาณที่เป็นงบลงทุนให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยภายในปีงบประมาณนี้ ซึ่งตาม พ.ร.บ. กำหนดให้ใช้ได้ไม่เกิน 2 ปีงบประมาณ เป็นที่น่ายินดีว่า จากการติดตามอย่างเข้มข้นทุกสัปดาห์ ทำให้มีงบที่มีแนวโน้มเสี่ยงจะถูกพับไป เหลือเพียง 3-4 ล้านบาท จากเดิมที่เคยสูงถึง 4–500 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลขน้อยที่สุดตั้งแต่ใช้ พ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้ แสดงถึงการกำกับติดตามอย่างใกล้ชิดไปยังโรงเรียนและผู้บริหารที่ได้ผลดีมาก และจะนำไปปฏิบัติในปีงบประมาณต่อๆ ไป
.
“เรื่องสุดท้าย คือ การรับมือสถานการณ์อุทกภัยและพายุ “รากาซา” ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาได้แจ้งเตือนว่าพายุดังกล่าวได้ทวีกำลังแรงและอาจส่งผลกระทบกับโรงเรียนในสังกัด สพฐ. จึงได้กำชับให้ทุกโรงเรียนมีแผนป้องกัน เตรียมพร้อมรองรับการอพยพ การดูแลอาคารสถานที่ และป้องกันทรัพย์สินทางราชการ โดยให้ความสำคัญกับการดูแลครูและนักเรียนให้ปลอดภัยสูงสุด หากน้ำท่วมหรือถนนขาดให้ปิดโรงเรียนได้เพื่อความปลอดภัย หลังพายุผ่านก็ให้เร่งฟื้นฟูโดยเร็ว และขอขอบคุณรัฐบาลที่ได้อนุมัติงบกลางช่วยซ่อมแซมโรงเรียนที่เสียหายเพื่อสามารถเปิดเรียนได้ตามปกติต่อไป” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว

ข่าวโดย : สุชัญญา ชมเทศ

ที่มา >>>สพฐ. มั่นใจ 118 เขตพื้นที่ เช่าใช้อุปกรณ์เทคฯถึงมือนักเรียนและครู พร้อมสั่งการรับมืออุทกภัยพายุ “รากาซา” – สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน<<<

การประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครั้งที่ 7/2568


วันที่ 17 กันยายน 2568 ศาสตราจารย์บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ประธานกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ประธาน กพฐ.) เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครั้งที่ 7/2568 ซึ่งมีว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) พร้อมด้วย นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. เข้าร่วมการ โดยมีคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และผู้บริหารสำนักต่างๆ ของ สพฐ. เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และร่วมประชุมออนไลน์ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Zoom Meeting)

.

โดยก่อนเริ่มการประชุม ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มาพบปะกับคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อมอบนโยบายในการปฏิบัติงาน และเน้นย้ำว่าไม่นำการเมืองเข้ามาแทรกแซงในการศึกษา เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศให้เจริญก้าวหน้าเทียบเท่าระดับสากลได้อย่างแท้จริง

.

จากนั้น ในที่ประชุมได้มีการหารือข้อราชการและติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานด้านการศึกษาของ สพฐ. โดยมีประเด็นหารือที่น่าสนใจ อาทิ รายงานความก้าวหน้าการใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2568 สำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี และหลักสูตรการศึกษาประถมศึกษาตอนต้น (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3) พุทธศักราช 2568, ประกาศสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เรื่อง แนวทางการนำผลการประเมินตามกรอบมาตรฐานความสามารถทางภาษาอังกฤษที่เป็นสากล (Common European Framework of Reference for Languages : CEFR) ไปใช้ในสถานศึกษา และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับคุณภาพการศึกษา โอกาส และการลดความเหลื่อมล้ำ เป็นต้น

ข่าวโดย : ตรีญาภรณ์ แท่นชัยกุล

ที่มา >>>เลขาธิการ กพฐ. ร่วมประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครั้งที่ 7/2568 – สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน<<<

การประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 34/2568

วันที่ 16 กันยายน 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 34/2568 โดยเน้นย้ำข้อสั่งการตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. เพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว โดยมี นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. รวมถึงผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting
.
ภายหลังการประชุม ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. ได้มอบหมาย นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. แถลงผลการประชุมในประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจ เรื่องแรก คือ การติดตามความก้าวหน้าในการเช่าใช้อุปกรณ์การเรียนการสอนสำหรับผู้เรียน ในโครงการ Anywhere Anytime ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์โน้ตบุ๊ก โครมบุ๊ก หรือแท็บเล็ต ซึ่งเราได้ติดตามความก้าวหน้าทุกสัปดาห์ โดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 118 เขต ล่าสุดมีสำนักงานเขตพื้นที่ฯ 3 แห่งที่ได้ดำเนินการลงนามในสัญญาเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ สพป.เพชรบูรณ์ เขต 3, สพป.นครสวรรค์ เขต 2, สพป.ศรีสะเกษ เขต 1 และเหลืออีก 76 เขตที่ยังอยู่ในระหว่างร่างขอบเขตงาน (TOR) ในวันนี้เราก็ได้มีการประชุมชี้แจงเพื่อติดตามเร่งรัดในการดำเนินการให้แล้วเสร็จทันปีงบประมาณ 2568 หรือภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้กระบวนการเช่าใช้อุปกรณ์เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้เรียนทั่วประเทศ โดยยังคงรักษาวินัยทางการเงินการคลังอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
.
“งบสำหรับเช่าใช้อุปกรณ์ของโครงการ Anywhere Anytime เป็นงบประมาณที่มีความชัดเจน และได้แจ้งให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาไปดำเนินการเช่าตาม TOR ของแต่ละเขตพื้นที่ฯ โดยไม่ได้มีการกำหนดว่าจะต้องเช่าซื้อจากบริษัทใด โดยให้เขตพื้นที่ฯ ดำเนินการหาผู้รับจ้างได้ตามบริบทของแต่ละพื้นที่และไม่มีการกำหนดคุณสมบัติหรือสเปกเครื่องแบบเฉพาะเจาะจง เพราะถือว่าเทคโนโลยีเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หากเรากำหนดไว้ตอนตั้งของบเมื่อถึงตอนจะจัดซื้อก็อาจล้าสมัยไปแล้ว เพราะฉะนั้นการเช่าซื้อให้เกิดความทันสมัยจะต้องเปิดโอกาสให้กับโรงเรียนและเขตพื้นที่ฯ เลือกผู้รับจ้างได้เอง ดังนั้นขอให้ไม่ต้องกังวลต่อการเช่าซื้อในครั้งนี้ เพราะเป็นงบประมาณถูกต้องตามกฎหมาย จึงขอให้ดำเนินการตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างอย่างถูกต้องเท่านั้น ส่วนการดำเนินการในปี 2569 ทางสำนักงบประมาณไม่ได้มีการเพิ่มงบประมาณให้กับ สพฐ. ตามที่ได้ขอไปเพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ดังนั้นในปีการศึกษาหน้าจึงยังใช้กับพื้นที่เดิมคือระดับชั้นมัธยมปลาย ม.4-6 ในกลุ่ม 118 เขตพื้นที่ฯเดียวกันกับในปีนี้ครับ” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว
.
และอีกเรื่องที่น่าสนใจ คือ สพฐ. ได้ประกาศแนวทางการนำผลการประเมินตามกรอบมาตรฐานความสามารถทางภาษาอังกฤษที่เป็นสากล (Common European Framework of Reference for Languages : CEFR) ไปใช้ในสถานศึกษา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศ เรื่อง นโยบายการปฏิรูปการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ พ.ศ. 2557 ที่กำหนดให้ใช้กรอบมาตรฐานความสามารถทางภาษาอังกฤษที่เป็นสากล (CEFR) เป็นกรอบความคิดหลักในการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษของประเทศไทย ทั้งในการออกแบบหลักสูตร การพัฒนาการเรียนการสอน การทดสอบ การวัดผล การพัฒนาครู รวมถึงการกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ โดย สพฐ. ได้ประกาศแนวทางเพื่อนำไปใช้ในการวัดและประเมินผล และพัฒนาการเรียนรู้ ในสถานศึกษาต่างๆ ได้แก่ สถานศึกษาที่ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551, สถานศึกษานำร่องในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา, สถานศึกษาที่ใช้หลักสูตรการศึกษาประถมศึกษาตอนต้น (ชั้น ป.1-3) พ.ศ. 2568 และโรงเรียนหรือสถานศึกษานำร่องที่ใช้ระบบธนาคารหน่วยกิต ซึ่งจะช่วยพัฒนาการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของเด็กไทยสู่มาตรฐานสากลต่อไป

ข่าวโดย : สุชัญญา ชมเทศ

ที่มา >>>สพฐ. ยืนยัน งบเช่าใช้อุปกรณ์การเรียนถูกต้อง โปร่งใส 118 เขตพื้นที่ฯ เลือกได้อิสระตามบริบท – สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน<<<

การประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 33/2568


สพฐ. กำชับเขตพื้นที่รับมือน้ำท่วม–ดูแลโรงเรียนชายแดน เน้นความปลอดภัยและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

.

วันที่ 9 กันยายน 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 33/2568 โดยเน้นย้ำข้อสั่งการตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. เพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว โดยมี นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. รวมถึงผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting 

.

สำหรับวันนี้ในที่ประชุมได้หารือหลายประเด็นที่น่าสนใจ อาทิ สถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อโรงเรียนในสังกัด สพฐ. โดยได้เน้นย้ำผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ให้ช่วยกันดูแลช่วยเหลือนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งสำรวจอาคารสถานที่ภายในโรงเรียน และอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ที่ได้รับความเสียหาย เพื่อทำการปรับปรุงซ่อมแซมต่อไป ส่วนโรงเรียนที่ยังไม่ได้รับผลกระทบ ให้ทำการเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ ตั้งแต่การเคลื่อนย้ายสิ่งของที่อาจเสียหายขึ้นที่สูง ดูแลอุปกรณ์-ระบบไฟฟ้าภายในโรงเรียน รวมถึงระบบความปลอดภัยต่างๆ พร้อมประสานกับหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)จังหวัด หรือฝ่ายปกครองในพื้นที่ และติดตามประกาศของทางกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ หากเกิดเหตุจำเป็น เช่น ถนนขาด น้ำท่วม โรงเรียนได้รับความเสียหาย ไม่สามารถจัดการเรียนการสอนได้ ผู้บริหารโรงเรียนสามารถสั่งปิดโรงเรียนได้ทันที โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยของนักเรียนและครูเป็นสำคัญ 

.

สำหรับสถานการณ์โรงเรียนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชานั้น ตามที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงห่วงใยราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปะทะในพื้นที่ดังกล่าว และได้พระราชทานความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเด็กๆ นักเรียนในโรงเรียนที่อยู่ใกล้พื้นที่ชายแดน ซึ่งทาง สพฐ. ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในการติดตามดูแลการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน ให้นักเรียนเข้าถึงการศึกษาอย่างต่อเนื่อง และได้รายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานให้พระองค์ทรงทราบอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ นับเป็นขวัญและกำลังใจแก่ราษฎรและผู้ปฏิบัติงานทุกคนอย่างหาที่สุดมิได้

.

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับรายงาน เรื่องการดำเนินโครงการอัจฉริยะเกษตรประณีตในโรงเรียน (Science Technology Innovation (STI): Smart Intensive Farming) ที่เพิ่มศักยภาพของโรงเรียน โดยพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ร่วมกับกระบวนการทางเกษตรกรรมเข้าด้วยกัน โดยประสานความร่วมมือกับมูลนิธินโยบายสาธารณะไทย และได้รับทุนพัฒนาโครงการอัจฉริยะเกษตรประณีต ปีการศึกษา 2569 จํานวน 50 โรงเรียน โรงเรียนละ 1 แสนบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5 ล้านบาท ล่าสุดได้ดำเนินการไปแล้วจํานวน 6 รุ่น รวมทั้งสิ้น 346 โรงเรียน แบ่งเป็น โรงเรียนสังกัด สพป. จํานวน 237 แห่ง และสังกัด สพม. จํานวน 109 แห่ง โดยโรงเรียนจัดการเรียนรู้ในรายวิชาเพิ่มเติมหรือในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ส่งเสริมให้นักเรียน สามารถสร้างนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อภาคการเกษตร และนำผลผลิตที่ได้มาเพิ่มมูลค่า และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น สลัดผัก เบเกอรี่ กาแฟ จําหน่ายผ่านตลาดในชุมชน ช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้กับนักเรียนและชุมชน เป็นต้น




ข่าวโดย : ยศุเนตร ปานธรรม

ที่มา >>>OBEC EXECUTIVE NEWs – สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน<<<

การประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 32/2568

 

สพฐ. ขับเคลื่อนโรงเรียนสีเขียว ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง พร้อมปั้นครู-นักเรียน ใช้โดรนเพื่อการศึกษา

.

วันที่ 2 กันยายน 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) มอบหมายให้ นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการ กพฐ. เป็นประธานการประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 32/2568 โดยเน้นย้ำข้อสั่งการตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. เพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว โดยมี นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. รวมถึงผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting 

.

สำหรับวันนี้ในที่ประชุมได้หารือหลายประเด็นที่น่าสนใจ อาทิ การส่งเสริม สนับสนุนสิ่งแวดล้อมศึกษาในโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง โดย สพฐ. ได้ดำเนินการโครงการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสีเขียวและมาตรฐานโรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของ สพฐ. กับ องค์การยูนิเซฟ (UNICEF Thailand) ในระหว่างเดือนมีนาคม ถึงเดือนตุลาคม 2568 มีกลุ่มเป้าหมาย คือ ครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยมีการอบรมวิทยากรแกนนำโรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษา ส่วนกลาง (Master trainer) จำนวน 80 คน จาก 4 ภูมิภาค ทั่วประเทศ และขยายผลอบรมวิทยากรแกนนำฯ ระดับภูมิภาค จาก 245 เขตพื้นที่ ใน 4 ภูมิภาค ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 222 คน เพื่อให้วิทยากรแกนนำได้รับความรู้ ความเข้าใจ และเกิดจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การขับเคลื่อนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน สามารถบูรณาการเกณฑ์มาตรฐานโรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษากับเกณฑ์ของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้อย่างเหมาะสม รวมถึงมีบทบาทในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาโรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษาให้สอดคล้องกับบริบทสิ่งแวดล้อมท้องถิ่น และเกิดเครือข่ายสิ่งแวดล้อมศึกษาในระดับพื้นที่

.

นอกจากนี้ ยังมีการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาครูแกนนำโรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (EESD) ใน 4 ภูมิภาค ให้ครูได้แผนการจัดการเรียนรู้ที่จะขยายผลสู่ท้องถิ่นตามบริบทของพื้นที่นำไปสู่การปฏิบัติ โดยมีผู้บริหารโรงเรียนและคุณครู รวม 497 คน เข้ารับการอบรม มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม และมีพฤติกรรมที่เอื้อต่อการอนุรักษ์ โดยเกิดรูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อม ครูสามารถจัดการเรียนรู้โดยนำปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่บูรณาการในชั้นเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำไปปรับใช้และพัฒนาต่อยอดในโรงเรียน ปลูกฝังให้ผู้เรียนและบุคลากรทางการศึกษามีเจตคติที่ดี เกิดจิตสำนึกและพฤติกรรมที่พึงประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อม เป็น “พลเมืองเพื่อสิ่งแวดล้อม” (Environmental Citizenship) รวมถึงโรงเรียนมีแนวทางการพัฒนาโรงเรียนทั้งระบบตามคู่มือมาตรฐานโรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และเกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกับเครือข่ายความร่วมมือในการทำงานด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับเด็กและเยาวชนกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ส่วนกิจกรรมที่จะดำเนินการต่อไป จะมีการพัฒนาระบบฐานข้อมูล EESD ACADEMY แพลตฟอร์มการจัดการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีการจัดเวทีถอดบทเรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และจัดงาน Symposium ด้านสิ่งแวดล้อมศึกษา 4 ภูมิภาค เป็นต้น

.

อีกเรื่องที่น่าสนใจ คือ การอบรมวิทยากรแกนนำการใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน (Drone) เพื่อการศึกษา ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 - 31 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา มีครูและบุคลากรทางการศึกษาในศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ (HCEC) ทั้ง 57 ศูนย์ รวมจำนวน 57 คน เข้ารับการอบรม เป็นการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาและผู้เรียน ให้สามารถใช้อากาศยานไร้คนขับหรือโดรน (Drone) เพื่อการศึกษา โดยอบรมความรู้พื้นฐานและการควบคุมบังคับการใช้โดรน (Drone) ตามมาตรฐานสากล ประเภทรูปแบบการใช้งาน การควบคุม การสั่งการ และเคล็ดลับการใช้โดรน (Drone) รวมถึงรู้จักส่วนประกอบ การซ่อมบำรุง การรักษาโดรน ความปลอดภัยการบิน การฝึกการบินการถ่ายภาพและวิดีโอ การสร้างมุมของภาพ การจัดองค์ประกอบและฝึกเทคนิคการบินโดรน (Drone) ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ ใช้ในการเรียนการสอน การวิจัยและนวัตกรรมการศึกษา เพื่อการพัฒนาอาชีพในอนาคตได้อีกด้วย






    

ข่าวโดย : ยศุเนตร ปานธรรม

ที่มา >>>OBEC EXECUTIVE NEWs – สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน<<<