การประชุมผู้บริหารระดับสูง สพฐ. ครั้งที่ 44/2567

 


.
วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูง สพฐ. ครั้งที่ 44/2567 โดยมี นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. พร้อมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 245 เขต รวมถึงที่ปรึกษา ผู้อำนวยการสำนัก ผู้เชี่ยวชาญ และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ zoom meeting
.
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวว่า ตามที่ กระทรวงศึกษาธิการ นำโดย พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ขับเคลื่อนนโยบาย ‘เรียนดี มีความสุข’ ลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน สร้างโรงเรียนที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงนักเรียนและผู้ปกครองมีสุข โดยเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงาน “ร่วมกันปฏิวัติการศึกษา แก้ปัญหาประเทศอย่างยั่งยืน” จึงขอความร่วมมือให้ทุกสำนักและเขตพื้นที่ เร่งรัดการดำเนินงานในความรับผิดชอบของตนเอง ด้วยความรอบคอบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้การขับเคลื่อนงานของกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. เกิดประสิทธิภาพ นำไปสู่เป้าหมายคือการยกระดับการศึกษาของประเทศ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง
.
โดยการประชุมวันนี้ เลขาธิการ กพฐ. ได้นำข้อสั่งการของ รมว.ศธ. แจ้งต่อที่ประชุมเพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว พร้อมทั้งหารือในประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ อาทิ การดำเนินการตามข้อสั่งการของ เลขาธิการ กพฐ. การรายงานผลการขับเคลื่อนนโยบาย สพฐ. การรายงานจำนวนข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษา สังกัด สพฐ. ที่ได้รับการอนุญาตให้ไปต่างประเทศ (เฉพาะทุนส่วนตัวหรือทุนที่ไม่ผูกพันกับงบประมาณของ สพฐ.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และการพิจารณาเตรียมการจัดทำของขวัญปีใหม่ วันเด็ก และวันครู เป็นต้น


ข่าวโดย : นายทัตตกร จันทร์โม

ที่มา >>>สพฐ. ประชุมผู้บริหารระดับสูง ขับเคลื่อนเรียนดีมีความสุข ครั้งที่ 44/2567 – สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน |<<<

การประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครั้งที่ 9/2567

 


.
วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) จัดการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครั้งที่ 9/2567 โดยมีศาสตราจารย์บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ประธานกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ประธาน กพฐ.) เป็นประธานในการประชุม พร้อมด้วยคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา และผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้แก่ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) รวมถึงผู้บริหารสำนักต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของ สพฐ. เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และร่วมประชุมออนไลน์ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Zoom Meeting)
.
สำหรับความคืบหน้าในการจัดทำหลักสูตรพัฒนาสมรรถนะตามช่วงวัย หลังจากการประชุมบอร์ด กพฐ. วาระพิเศษ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะทำงาน สพฐ. จัดทำแผนการพัฒนาหลักสูตรพัฒนาสมรรถนะตามช่วงวัย และรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอ กพฐ. ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งหลังการนำเสนอ ที่ประชุมได้ให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงเนื้อหาให้ชัดเจน และการสื่อสารสู่ผู้เกี่ยวข้องและสาธารณชน เพื่อให้หลักสูตรมีความสมบูรณ์พร้อมสำหรับการนำไปใช้ในปีการศึกษา 2568 นี้
.
โดยหลักสูตรพัฒนาสมรรถนะตามช่วงวัย มีหลักการ คือ มุ่งพัฒนาสมรรถนะตามพัฒนาการของผู้เรียน 5 ช่วงวัย ได้แก่ ระดับปฐมวัย (อายุ 3-6 ปี) ผู้เรียนมีพัฒนาการสมวัย ระดับประถมศึกษาตอนต้น (อายุ 7-9 ปี) ผู้เรียนมีพื้นฐานการเรียนรู้ที่ดี ระดับประถมศึกษาตอนปลาย (อายุ10-12 ปี) ผู้เรียนมีพื้นฐานการดำเนินชีวิตที่ดี ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (อายุ13-15 ปี) ผู้เรียนค้นพบความสามารถ ความสนใจ และความถนัดของตนเอง และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (อายุ 16-18 ปี) พัฒนาผู้เรียนมุ่งสู่งานอาชีพ โดยมีโครงสร้างยืดหยุ่น ทั้งเวลา เนื้อหาการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล ฯลฯ เน้นการประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ มีการกำหนดเนื้อหาเท่าที่จำเป็น และใช้การเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)
.
ในส่วนของ (ร่าง) กรอบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย (สำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี) มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างเป็นองค์รวม ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม บนพื้นฐานการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่สนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการตามวัยของเด็กแต่ละคนให้เต็มตามศักยภาพ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและวิถีชีวิตของเด็กตามบริบท ของชุมชน สังคม และวัฒนธรรรมไทย มีการใช้กิจกรรมบูรณาการผ่านการเล่น มีการนำสื่อ เทคโนโลยี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และแหล่งเรียนรู้ที่เหมาะสมมาพัฒนาเด็ก พร้อมให้ผู้ปกครองและชุมชนมีส่วนร่วม
.
ส่วน (ร่าง) กรอบหลักสูตรการศึกษาระดับประถมศึกษาตอนต้น (ป.1-3) มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้พื้นฐานแข็งแรงด้านสังคม มีจินตนาการ และมีความสุขในการเรียนรู้ สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ เป็นหลักสูตรที่มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาความสามารถพื้นฐานการเรียนรู้และทักษะชีวิต เน้นการจัดการเรียนรู้เชิงรุก มีการจัดบริบทการเรียนรู้ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และพัฒนาตนเองตลอดชีวิต (Life-Long Learning) และเน้นการประเมินเพื่อพัฒนาความก้าวหน้า (Formative Assessment) เพื่อการเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียนตามเป้าหมาย ทำให้ผู้เรียนมีพื้นฐานการเรียนรู้ด้านการอ่าน การเขียน การคิดคำนวณ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และมีทักษะชีวิตที่ดี มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ และคิดอย่างมีวิจารณญาณ รวมถึงมีคุณธรรมจริยธรรมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยมีความรู้พื้นฐานที่จำเป็น ได้แก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ด้วยการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ใช้สถานการณ์/ปัญหาเป็นบริบทการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้แบบองค์รวม และใช้กระบวนการเรียนรู้เป็นเครื่องมือประเมินพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก
.
ทั้งนี้ หลังจากจัดทำ (ร่าง) หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย (สำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี) และหลักสูตรประถมศึกษาตอนต้น (ป.1-3) เสร็จสิ้นแล้ว จะมีการจัดทำคู่มือและสื่อประกอบการใช้หลักสูตร สื่อสารสร้างความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจะเปิดรับสมัครสถานศึกษาที่มีความพร้อมและสมัครใจเป็นสถานศึกษาแกนนำการใช้หลักสูตร พร้อมทั้งพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้พร้อมนำหลักสูตรไปใช้ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 ต่อไป


ข่าวโดย : นายทัตตกร จันทร์โม

ที่มา >>>บอร์ด กพฐ. เผยความคืบหน้าหลักสูตรใหม่ เร่งเครื่องพัฒนาสมรรถนะนักเรียน ทันปีการศึกษา 2568 – สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน | <<<

การประชุมผู้บริหารระดับสูง สพฐ. ครั้งที่ 43/2567

 


.
วันที่ 28 ตุลาคม 2567 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูง สพฐ. ครั้งที่ 43/2567 โดยมี นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 245 เขต รวมถึงที่ปรึกษา ผู้อำนวยการสำนัก ผู้เชี่ยวชาญ และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ zoom meeting
.
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวว่า ตามที่ กระทรวงศึกษาธิการ นำโดย พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ขับเคลื่อนนโยบาย ‘เรียนดี มีความสุข’ ลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน สร้างโรงเรียนที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงนักเรียนและผู้ปกครองมีสุข โดยเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงาน “ร่วมกันปฏิวัติการศึกษา แก้ปัญหาประเทศอย่างยั่งยืน” จึงขอความร่วมมือให้ทุกสำนักและเขตพื้นที่ เร่งรัดการดำเนินงานในความรับผิดชอบของตนเอง ด้วยความรอบคอบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้การขับเคลื่อนงานของกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. เกิดประสิทธิภาพ นำไปสู่เป้าหมายคือการยกระดับการศึกษาของประเทศ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง
.
โดยการประชุมวันนี้ เลขาธิการ กพฐ. ได้นำข้อสั่งการของ รมว.ศธ. แจ้งต่อที่ประชุมเพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว รวมถึงได้แจ้งมติที่ประชุม กพฐ. ที่ได้ประชุมวาระพิเศษไปเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ในเรื่องของการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับใหม่ ซึ่งในเบื้องต้นใช้ชื่อว่า “หลักสูตรพัฒนาสมรรถนะตามช่วงวัย” เป็นการพัฒนาต่อยอดจาก (ร่าง) กรอบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานเดิม ซึ่งเป็นกรอบหลักสูตรฐานสมรรถนะที่ได้ยกร่างไว้ ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง แต่ยังไม่ได้ประกาศใช้ โดยมติของ กพฐ. ได้มอบหมายคณะทำงาน สพฐ. ให้นำร่างกรอบหลักสูตรดังกล่าวมาพัฒนาต่อยอดและให้นำสื่อ เทคโนโลยีดิจิทัลหรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI มาใช้ในการพัฒนาเครื่องมือเพื่อช่วยให้ครูสามารถจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และทาง กพฐ. ได้พิจารณาว่าจะเริ่มใช้หลักสูตรใหม่นี้ในปีการศึกษา 2568 ในสถานศึกษาที่มีความพร้อมและสมัครใจ ในระดับปฐมวัยและระดับประถมศึกษาตอนต้น(ป.1-3)ก่อน และมีแผนขยายผลการใช้ให้ครอบคลุมระดับประถมศึกษาตอนปลาย(ป.4-6)และระดับมัธยมศึกษาต่อไป ในปีการศึกษา 2569 ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง สพฐ. จะจัดทำข้อมูลเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อไป
.
“นอกจากนี้ ได้ติดตามความคืบหน้าเรื่องการเสนอเกณฑ์การย้าย-บรรจุครู โดยทบทวนการกำหนดสัดส่วนการย้ายและบรรจุครูผู้สอน ซึ่งทาง สพฐ. ได้ทำหนังสือถึงสำนักงาน ก.ค.ส. ขอปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู โดยขอให้ ก.ค.ศ. พิจารณาเรื่องการกำหนดสัดส่วนอัตราว่างเพื่อใช้ในการรับย้ายและใช้ในการบรรจุและแต่งตั้งจากผู้สอบแข่งขันได้ ทั้งนี้ ให้ใช้อัตราว่างพิจารณารับย้ายก่อนการบรรจุและแต่งตั้งบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ หากมีอัตราว่างเหลือหลังจากพิจารณารับย้ายและ/หรือบรรจุและแต่งตั้งแล้ว ให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (แล้วแต่กรณี) พิจารณาใช้ได้ตามความเหมาะสม ซึ่งทางสำนักงาน ก.ค.ศ. ได้มีหนังสือแจ้งว่า สำนักงาน ก.ค.ศ ได้รับทราบการขอปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ดังกล่าวแล้ว และจะนำไปเป็นข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการฯ สำนักงาน ก.ค.ศ. จะแจ้งให้ทราบและนำไปปฏิบัติต่อไป” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว


ข่าวโดย : นายทัตตกร จันทร์โม

ที่มา >>>สพฐ. ประชุมผู้บริหารระดับสูง เดินหน้าหลักสูตรใหม่ ตามมติบอร์ด กพฐ. พร้อมคืบหน้าการปรับเกณฑ์ย้าย-บรรจุครู – สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน <<<